😁คำกริยา
คำกริยา คือ คำที่แสดงอาการของคำนาม และคำสรรพนาม หรือแสดงการกระทำของประธานในประโยค
ชนิดของคำกริยา
๑. สกรรมกริยา คือ คำกริยาที่ต้องมีกรรมมารับจึงจะให้ความสมบูรณ์ครบถ้วน ได้แก่ ถือ หุง ไถ ตัด ขาย กิน เห็น เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น
- ฉันกินข้าว
- เขาเห็นนก
๒. อกรรมกริยา คือ คำกริยาที่มีความหมายครบถ้วนในตัวเองโดยไม่ต้องมีกรรมมารับก็ได้ความสมบูรณ์ ได้แก่ เดิน บิน นั่ง ยืน เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น
- เขานั่ง
- ฉันยืน
๓. วิกตรรถกริยา คือ คำกริยาที่ไม่มีความหมายในตัวเอง และใช้เป็นกริยาของประธานตามลำพังตัวเองไม่ได้ จะต้องมีคำนาม คำสรรพนามหรือคำวิเศษณ์มาขยายจึงจะได้ใจความ ได้แก่ เป็น เหมือน คล้าย เท่า คือ ดุจ ประดุจ ประหนึ่ง ราวกับ เปรียบเสมือน อุปมาเหมือน เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น
- ผมเป็นนักเรียน
- รองเท้า ๒ คู่นี้เหมือนกัน
๔. กริยาอนุเคราะห์ คือ คำกริยาที่ไม่มีความหมายในตัวเอง ทำหน้าที่ช่วยคำกริยาให้มีความหมายชัดเจนขึ้น ได้แก่ จง กำลัง จะ ย่อม คง ยัง ถูก นะ เถอะ เทอญ ได้ ให้ อยู่ เคย แล้ว ต้อง เกิด เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น
- นายแดงจะไปโรงเรียน
- เขาถูกแม่ตี
หน้าที่ของคำกริยา
๑. คำกริยาทำหน้าที่เป็นตัวแสดงในภาคแสดงของประโยค ตัวอย่างเช่น
- ทหารปฏิญาณตนต่อหน้าธงไชยเฉลิมพล
- ประชาชนทุกคนควรอนุรักษ์ธรรมชาติ
๒. คำกริยาทำหน้าที่ขยายนาม ตัวอย่างเช่น
- วันนี้ไม่ใช่วันเดินทาง
- เขาเปลี่ยนรายการอาหารเลี้ยงแขก
๓. คำกริยาทำหน้าที่ขยายกริยา ตัวอย่างเช่น
- เขาเดินเล่นตอนเช้า
- เขานั่งดูเมฆอยู่คนเดียว
๔. คำกริยาทำหน้าที่เหมือนคำนาม ตัวอย่างเช่น
- ฉันชอบเดินเร็วๆ
- พูดอย่างนี้ไม่ถูกแน่ๆ
บรรณานุกรม
กำชัย ทองหล่อ. (๒๕๓๗). หลักภาษาไทย. กรุงเทพฯ
: อมรการพิมพ์.
วิเชียร
เกษประทุม. (๒๕๕๗). หลักภาษาไทย. กรุงเทพฯ
: พ.ศ. พัฒนา.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น